วันที่ 24 มีนาคม 2564 ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายกว่า 20 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ จ. อุดรธานี ,อำนาจเจริญ,กาฬสินธุ์ และ จ.ขอนแก่น นำเอกสารหลักฐาน เป็นหนังสือสัญญาซื้อ-ขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และหนังสือสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำการซื้อขายรถ เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 เพื่อให้ติดตามตัวนายศรชัย แก้วจันทร์ ผอ.ส่วนการคลัง ของ อบต.แห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม มาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังหลอกซื้อ-ขายรถจากชาวบ้าน ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถไถ และรถบรรทุก 10 ล้อ มูลค่าเสียหายเกือบ 20 ล้านบาท โดยพฤติการณ์คือ การติดต่อซื้อรถยนต์จากชาวบ้านที่ซื้อรถมาแล้วส่งค่างวดไม่ไหว ก็จะรับซื้อแล้วจะเอาไปส่งค่างวดที่เหลือต่อ เมื่อส่งครบแล้วจึงจะทำเรื่องโอนรถ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่า ชาวบ้านที่ขายรถได้รับการติดต่อจากบริษัทไฟแนนซ์ที่ตนเช่าซื้อรถ โทรศัพท์มาทวงถามว่าตนเองไม่ส่งงวดรถมาหลายเดือนแล้ว สร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในหลายจังหวัด
ล่าสุด ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง อบต.แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายศรชัย แก้วจันทร์ ตำแหน่ง ผอ.ส่วนการคลัง เพื่อต้องการขอคำชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ใน อบต. แจ้งว่า เจ้าตัวออกไปทำธุระตั้งแต่ช่วงเที่ยง ยังไม่กลับเข้ามา และไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ทีมข่าวจึงขอเข้าพบปลัด อบต. รักษาการนายก อบต. ในฐานะผู้บังคับบัญชา ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าว แต่ไม่ขอให้สัมภาษณ์ ว่า นายศรชัยฯ เพิ่งจะย้ายมาดำรงตำแหน่งที่ อบต.แห่งนี้ได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเรื่องที่ถูกชาวบ้านติดตามทวงถามนั้นมีรายละเอียดอย่างไร แต่ที่ผ่านมาก็เคยมีชาวบ้านเดินทางมาขอพบอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ทราบว่ามีปัญหากันอย่างไร ตนเองไม่ได้สอบถามเพราะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับองค์กร ซึ่งหากตนเองได้พบกับนายศรชัย จะให้ติดต่อไปยังสื่อมวลชนในภายหลัง
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านยางสินไชย หมู่ 3 ต.เหล่า อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อขอพบกับนายเทพประจักษ์ นิตยาสิทธิ์ ผู้ที่เคยร่วมธุรกิจ รับซื้อขายรถยนต์กับนายศรชัย แต่ภายหลังได้แยกทางกันเพราะขัดแย้งทางธุรกิจ แต่เมื่อเดินทางไปที่บ้านกลับไม่พบเจ้าตัว มีเพียงญาติที่อยู่บ้านและแจ้งว่านายเทพประจักษ์ ไม่อยู่บ้าน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม ก็ให้ข้อมูลว่า นายเทพประจักษ์ก่อนหน้านี้เคยร่วมธุรกิจกับนายศรชัยจริง เกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์จากชาวบ้านที่ส่งค่างวดไม่ไหวแล้วต้องการขายดาวน์ แล้วให้นำไปส่งงวดต่อ ซึ่งตนเองทราบว่า นายเทพประจักษ์ ได้เลิกทำธุรกิจกับนายศรชัยแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่กลุ่มชาวบ้านได้เข้าต้องเรียนต่อกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด เพื่อเป็นข้อมูลในทางคดีแล้ว โดยผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยังพล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค4 ระบุว่า ทางตำรวจจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้และจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย