‘แรมโบ้’ ซัด ส.ส.โจ้ ตำหนิไปเรื่อย โว ‘ประยุทธ์’ทำงานหนัก ไม่มีนายกฯ คนไหนทำได้ดีเท่านี้ ไล่ลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านที่มหาสารคาม ดีกว่ามาพูดไร้สาระ
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกฯ ลาออกที่ไม่รับผิดชอบปล่อยให้โควิดระบาด ว่า ที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ได้ทำงานอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาการระบาดเชื้อโควิด-19 แต่การที่จะทำให้มีผู้ติดเชื้อลดลงจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่นเดียวกันเพราะภาครัฐทำฝ่ายเดียวไม่ได้
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนนั้น นายกฯ ได้ทำอย่างเต็มที่ให้มีวัคซีนเข้ามาและขณะนี้ก็ทยอยเข้ามาแล้ว รวมถึงการจัดการให้สามารถฉีดให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ขอให้นายยุทธพงศ์มองการทำงานของนายกฯ อย่างรอบด้าน มีใจที่เป็นธรรม อย่ามองแต่ในมุมมองของคนที่เป็นฝ่ายค้าน ที่ไม่เคยมองเห็นถึงความดี ไม่เคยมองเลยว่านายกฯ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์ได้ทำงานหนักอย่างไรบ้าง ทำงานแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดี ไม่ได้ขาดความรับผิดชอบแต่อย่างใด
นายเสกสกล กล่าวอีกว่า ยืนยันว่านายกฯ ประยุทธ์ คนนี้เป็นผู้ที่จะต้องอยู่ทำงานแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมือง ต้องอยู่ให้ครบเทอม ไม่ควรลาออก เพราะที่ผ่านมาได้ทำงานหนักในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งนายยุทธพงศ์ไม่ควรที่จะออกมาพูดว่านายกฯ ไม่มีความรับผิดชอบ หากนายยุทธพงศ์มองว่านายกฯ ที่ชื่อประยุทธ์แก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิดไม่ได้ ตนมองว่าก็คงไม่มีนายกฯ คนใดทำได้ดีเช่นนายกฯประยุทธ์
นายเสกสกล กล่าวต่อว่า คนอย่างนายยุทธพงศ์มีดีแต่ปากชอบพูด ชอบตำหนิคนอื่นไปเรื่อย จึงไม่รู้ว่าคนทำงานเช่นนายกฯ และรัฐบาล ได้ทำงานอะไรไปบ้างแล้ว คงปิดหูปิดตาจนมองไม่เห็นที่นายกฯ และรัฐบาลได้สร้างผลงานไว้มากมายจนเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน และดีกว่ามากกว่ารัฐบาลในอดีตสมัยพรรคเพื่อไทยที่นายยุทธพงศ์เคยเป็นรัฐมนตรีเสียอีก
นายเสกสกล กล่าวอีกว่า ขอแนะนำว่าหากว่างมากให้เอาเวลาไปทำงานลงพื้นที่เยี่ยมเยือนชาวบ้านในพื้นที่จ.มหาสารคามจะดีกว่า เพราะชาวบ้านถามหาส.ส.หายหน้าหายตาไปไหน ไม่ค่อยลงพื้นที่ ดีกว่าที่จะมาพูดจ้อพ่นน้ำลายรายวันไร้สาระ เสียดีกรีความเป็นอดีตรัฐมนตรี ยิ่งทำให้เสื่อมเสียภาพพจน์ติดลบในสายตาประชาชน นอกจากนี้นายยุทธพงศ์ควรรีบเร่งแก้ปัญหาทะเลาะกันจนเละเทะแตกกระเจิงในพรรคเพื่อไทยให้เรียบร้อยก่อน ค่อยมาไล่คนอื่นให้ลาออก