เช้านี้ที่หมอชิต – ยุคโควิดใครที่เปิดร้านขายอาหารต่าง ๆ จะรู้ดีว่าค้าขายยากขนาดไหนกว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท อย่างร้านแจ่วฮ้อนริมถนนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม กลับมาถูกลูกค้าชักดาบ-กินแล้วไม่ยอมจ่ายเงินชิ่งหนีไปเลย งานนี้ สร้างความเจ็บใจให้เจ้าของร้านอยู่เฉยไม่ได้ ต้องโพสต์เรื่องประจาน
หลังเกิดเหตุเจ้าของร้านได้โพสต์แฉเรื่องนี้บนเฟซบุ๊กของร้าน โดยมีใจความว่า “จากใจความเป็นร้านอาหารการกินแล้วหนี ไม่จ่ายมันเป็นการตัดกำลังใจในการทำมาหากินมาก ๆ เลย นะคะ ยิ่งหมูราคาแบบนี้เศรษฐกิจแบบนี้ เราควรต้องเห็นใจกันมาก ๆ เลย ถึงจำนวนเงินอาจจะไม่มาก แต่นั้นคือน้ำพักน้ำแรงของน้อง ๆ พนักงานรวมอยู่ในเงินของท่านทั้งนั้นเลย ถ้าคุณลูกค้าที่น่ารักของเราผ่านมาเห็นโพสต์เรา ได้โปรดเห็นใจเราด้วยเถิด แต่ถ้าไม่เห็นไม่เป็นไรนะคะ เรายังยินดีต้อนรับท่านเสมอแล้วกลับมาอุดหนุนเราใหม่นะคะ” เป็นใครเจอแบบนี้ต้องเจ็บใจกันทั้งนั้น ทำการค้าขายก็ต้องได้เงิน แต่นี่กลับถูกลูกค้ากินแล้วไม่จ่ายโดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้านแจ่วฮ้อน ปากโป ริมถนนนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งร้านนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
หลังทราบเรื่องทีมข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นางสาววรางคณา สายสมร เจ้าของร้านแจ่วฮ้อนที่เกิดเหตุ โดยเธอเล่าว่า ทุก ๆ วันจะเปิดร้านต้อนรับลูกค้าตามปกติ โดยลูกค้ากลุ่มที่ก่อเหตุมากัน 3-4 คน โดยสั่งเมนูที่แพงสุดในบิลนี้ก็คือ ชุดปากแตก ราคา 199 บาท ตำปากโป ราคา 99 บาท หมูมะนาว 99 บาท ส่วนเมนูปูอัดวาซาบิ 79 บาท และหมูหมักนุ่ม 25 บาท แล้วก็ชุดรวมทะเล 79 บาท สรุปรวมค่าอาหารทั้งหมดที่สั่งของยอดบิลนี้ จำนวน 580 บาท แต่ปรากฏลูกค้ากินอิ่มแล้วชิ่งหนีหายไปเลย เหลือไว้แต่จาน วางอยู่บนโต๊ะให้เจ้าของร้านดูต่างหน้า ชิ่งหายไม่จ่ายเงิน แม้แต่บาทเดียว
นอกจากนี้ เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า วันที่เกิดเหตุมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนจนแน่นร้าน ทำให้พนักงานดูแลและมองไม่ทั่วถึง แต่คาดไม่ถึงว่าลูกค้ากลุ่มนี้กล้าทำแบบนี้กับร้านของเธอได้ลงคอ และที่เธอตัดสินใจโพสต์เรื่องนี้ เพราะอยากจะเตือนร้านค้าร้านอื่นๆ ให้ระวังกัน อีกทั้งในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ค้าขายลำบาก กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท ยังมาเจอลูกค้า นิสัยไม่ดีอีก และที่ออกมาโพสต์ต้องการอยากจะประจานให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รู้สำนึก อย่าไปทำแบบนี้กับร้านไหนอีก เพราะทุกร้านไม่ใจดีเหมือนอย่างร้านของเธอ ดีไม่ดีถูกเอาเรื่องเป็นคดีความได้ เพราะเท่านี้ตรวจสอบพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้ทำแค่ครั้งแรก แต่เคยกระทำแบบนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วด้วย