‘สุทิน’ ชี้แก้รธน.บ่อย เพราะมีคนฉีกอยู่เรื่อย เอาพวกตัวเองมาเขียน ใครเป็นนายกฯ อยู่ที่ส.ว. ลั่นถ้าเลือกตั้งด้วยกฎหมายเดิม จะอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบเดิม
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 24 มิ.ย. 2564 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิป) อภิปรายสรุปญัตติในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน ว่า เจตนารมณ์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ในแต่ละเรื่อง 1.เหตุที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะคนฉีกรัฐธรรมนูญบ่อย นั่นคือต้นเหตุ ถ้าไม่ฉีกก็ไม่มีการแก้ เกิดเป็นคนไทยวนเวียนอยู่กับการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่แก้ก็ไม่ได้ เพราะมีคนฉีกตลอด แล้วเอาพรรคพวกตัวเองมาเขียนรัฐธรรมนูญจนเกิดการไม่ยอมรับ ก็ต้องแก้กันไปแบบนี้
“อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนนั้นถูกต้องในทางปฏิบัติ แต่ขอถามหน่อยว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่เราใช้กันอยู่ตอนนี้ ขณะที่พวกท่านร่าง ท่านถามประชาชนหรือไม่ คุณเขียนเสร็จแล้วค่อยมาทำประชามติ ท่านอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติมา 16 ล้านเสียง ทุกท่านลองทบทวนว่า วันที่ทำประชามติ และชวนประชาชนมาร่าง มีสัญญาประชาคมเล็กๆ ว่า รับไปก่อน แล้วแก้ทีหลัง ก็บอกเขาแบบนี้ จนเกิดเป็นนโยบายของทุกพรรคการเมืองว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องนำมาสู่การแก้สิ”
นายสุทิน กล่าวอีกว่า เมื่อใช้มาแล้วเป็นปัญหา ทั้งไม่ยอมรับในสาระ ต่างชาติก็ไม่ยอมรับ จนวันนี้มีการชุมนุมหน้าสภาฯ ก็เป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญ พรรคฝ่ายค้านเราเห็นว่า รัฐธรรมนูญที่ทำกันมา ลองผิดลองถูกกันมาไม่ว่ากี่สูตรต่อกี่สูตร ฝ่ายค้านตกผลึกว่า รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ ทำอย่างไรจะให้ประชาชนยอมรับ ก็ต้องให้ประชาชนมาร่างผ่านรูปแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)
นายสุทิน กล่าวอีกว่า 2.เหตุที่นำเรื่องการแก้ไขรายมาตรามาพิจารณาด้วย เพราะเรายื่นแก้รัฐธรรมนูญโดยการตั้ง ส.ส.ร. เราเชื่อเลยว่าจะต้องมีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมาหาทางล้มของเราแน่ ดังนั้นจึงหาทางสำรองไว้ โดยเสนอแก้เป็นรายมาตราไว้ด้วย เราก็ไปในทางที่ปลอดภัยที่สุดของเรา และก็เป็นเช่นนั้นจริง ไม่ผิดเลย
นอกจากนี้ แม้บุญมีได้เกิดส.ส.ร.ขึ้นจริงๆ เราก็เชื่อว่า ส.ส.ร.จะต้องเขียนรัฐธรรมนูญนานราว 2 ปี ระหว่างนี้จะเกิดอะไรขึ้นในประเทศเราต้องคิด เกิดแน่ๆ ใน 2 ปีที่ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญ คือการเลือกตั้ง ถ้าเลือกตั้งด้วยกฎหมายเดิม มาแบบเดิม ยังมีมาตรา 272 เหมือนเดิม เราก็จะอยู่ในวงจรอุบาทว์แบบเดิม
ดังนั้น ระหว่างนี้เราต้องหาหนทางที่จะปิดความคุณแรงที่จะเกิดขึ้น และให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นระหว่างนี้เกิดการยอมรับ เราจึงคิดว่าต้องแก้ระบบเลือกตั้ง เพราะประชาชนเชื่อว่าเขียนไว้เพื่อสืบทอดอำนาจให้ผู้นำคนปัจจุบัน เป็นต้น
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ที่ถามว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อใคร ทั้งส.ส. และส.ว.ตนเชื่อว่าท่านคิดได้ว่าการแก้วันนี้ได้ประโยชน์ให้กับประชาชนทั้งทางตรง และทางอ้อม จุดหมายปลายทางคือประชาชน แต่เราแกล้งกัน แกล้งกันไปมาจนเป็นการด้อยค่าสภาฯ และด้อยค่าพวกเราเอง มันเข้าตัวเองทั้งหมด และเพื่อแก้คำครหาเหล่านี้ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เขียนออกมาให้ชัดว่าส่วนใดทำให้พี่น้องประชาชนโดยตรง
เช่น เรื่องสิทธิ และเสรีภาพ โดยเฉพาะในกระบวรการยุติธรรม เนื่องจากมีการประท้วง และมีการจับกุมคุมขังจำนวนมาก เรื่องสิทธิในการรักษาพยาบาล เนื่องจากประชาชนกำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิด เรื่องรายได้พื้นฐานของพี่น้องประชาชนที่พรรคร่วมรัฐบาลก็นำเสนอ ส่วนทางอ้อม ถ้าเราทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ต่างชาติยอมรับเครดิตประเทศก็เกิดขึ้น เราก็ทำมาค้าขายได้
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มา ส.ว. รัฐธรรมนูญฉบับนี้วางอำนาจให้ท่านไม่เหมาะ และไม่สมควรแก่ที่มา เพราะท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่รัฐธรรมนูญเขียนให้ท่านมาทำภารกิจเช่นนี้ สังคมเขาก็ติดใจท่านสิ ตนขอพูดตรงๆ อย่าโกรธกัน แต่ถ้าโกรธกันต้องขออภัย ตนขอถามว่า ท่านมาตามรัฐธรรมนูญนั้นถูกต้อง จำเป็นต้องมี 2 สภาไว้ถ่วงดุลกันกับ ส.ส. แต่ท่านลองถามตัวเองสิว่า ท่านเป็นกลางจริงหรือไม่ เรื่องนี้ท่านตอบตัวเองได้ ถ้าตอบไม่ได้ลองยกทีมไปตอบหน้าพระแก้วมรกตนี่ตนว่าเกิดโศกนาฏกรรมหมู่เลย นอกจากนี้ ท่านถ่วงดุลจริงหรือไม่ ถ้าท่านตรงไปตรงมา หรือท่านถ่วงดุลแต่กับฝ่ายค้าน กับรัฐบาล กับนายกฯ ท่านถ่วงดุลหรือไม่
ปรากฏว่า นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวประท้วงนายสุทิน และระบุว่าผู้อภิปรายทำผิดข้อบังคับมาตรา 45 วรรค 2 พูดจาวกวนเสียดสี ตอนแรกตนจะลงคะแนนให้แล้ว แต่ท่านกลับพร่ำ ตนไม่โกรธหรอกที่ท่านว่า ส.ว. ความจริง ส.ส. บางคนรับใช้คนโกงและรับใช้พรรคโคตรโกงมาตลอดชีวิตทำไมไม่พูด
ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้ขอให้นายกิตติศักดิ์ นั่งลง พร้อมกล่าวชี้แจงว่า ตนเตือนเสมอว่าอย่าเหมารวม เพราะตนเชื่อในพระบรมราโชวาทที่ว่าบ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครสามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมดในทุกวงการ ดังนั้น เราจะไปว่าวงการนั้นมีคนโกง หรือมีคนไม่ดีหมดไม่ได้
“ผมเรียนที่ประชุมแล้วว่าเมื่อครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจ ท่านก็ตำหนินักการเมือง ผมก็ได้เรียนท่านโดยตรงว่า ถ้าท่านว่านักการเมืองไม่ดี นั้นก็มีจริง แต่ทหารเลวก็มี ท่านอย่าเหมา ซึ่งท่านเองก็บอกว่าไม่ได้เหมา แต่เวลาท่านพูดท่านกลับไม่เคยยกเว้น หลังจากได้คุยกันแล้วต่อมา ท่านได้บอกผ่านโทรทัศน์ว่า นักการเมืองที่ดีก็มี ผมจึงอยากขอให้ทุกคนอย่าเหมา ทุกองค์กรมีแบบนี้ เพียงแต่ว่าเวลาเราอภิปราย ถ้าเราไปคิดว่าทุกคนเป็นอย่างนั้นหมด มันก็จะเกิดความขัดแย้งไม่จบ” นายชวน กล่าว
จากนั้นนายสุทิน อภิปรายต่อว่า ประเด็นต่อมา อำนาจในการเลือกนายกฯ เราต้องแก้ เพราะอำนาจในการเลือกนายกฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปเขียนให้อำนาจ ท่านก็ต้องโดนเป็นธรรมดา บังเอิญที่มาของท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้เป็นการต่อสู้ที่มีการได้เสียสูง ดังนั้น เมื่ออำนาจในการเลือกนายกฯ ไปอยู่ในมือท่านมันก็เลยเป็นของร้อน และที่ระแวงกันมากๆ นอกจากการเปลี่ยนผ่านจากประยุทธ์ 1 ไปประยุทธ์ 2 แล้ว ยังจะเปลี่ยนผ่านไปยังประยุทธ์ 3 อีก
“วันนี้ประชาชนเชื่อว่า ใครจะได้เป็นนายกฯ อยู่ที่ ส.ว. เพราะฉะนั้นแรงกดดันจึงมาที่ท่าน ผมคิดว่า หากละอำนาจนี้ไปจากท่าน ท่านจะเบาลง ท่านจะออกจากภาวะกดดัน ท่านไปยืนเหมือนส.ว.ชุดอื่นๆ ที่ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย และถ่วงดุล เชื่อว่าท่านจะเบาตัวเลย สถานการณ์หลายอย่างก็จะดีขึ้น และที่บอกว่าบทเฉพาะกาลอีก 2 ปีก็จะหมดไป เหตุใดไม่รอ อยากเรียนว่า 2 ปีต่อจากนี้ สำหรับประเทศไทยนั้นเดิมพันสูงมาก อาจจะเกิดการเลือกตั้ง 2 ครั้งก็ได้ เลือกนายกฯ อีก 2 ครั้งก็ได้ พวกเราจึงต้องขอแก้ประเด็นนี้”
นายสุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องร่างที่เราจะรับการเสนอแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เราภูมิใจมาก และเห็นมิติที่ดี เพราะครั้งก่อนที่เราเสนอเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบไม่มีใครเอากับเรา แต่ครั้งนี้มีหลายพรรคเสนอเข้ามาตรงกันกับเรา นี่คือนิมิตรหมายที่ดี ไม่ใช่การฮั้ว หรือสมประโยชน์กัน นี่พูดกันต่อหน้าประธานเลยว่า ใครจะไปสมประโยชน์กับนายจุรินทร์ หรือนายไพบูลย์ได้ แต่บังเอิญมันมาตรงกัน แต่ก็ยังติดใจร่างของพลังประชารัฐ ที่ไม่น่าพ่วงอย่างอื่นมา ห่วงอย่างเดียวกับส.ว.เลย
“เรื่องมาตรา 144 และ 185 ที่พรรคเราคุยกันว่าท่านขายเหล้าพ่วงเบียร์ เราอยากได้อย่างเดียว แต่จำเป็นต้องรับด้วย เพราะท่านเสนอมาร่างเดียว แต่แยกเป็น 5 ประเด็น แต่เมื่อนายไพบูลย์ ประกาศต่อหน้าประธานรัฐสภา และต่อหน้าสาธารณชนว่าจะไปแก้ในชั้นกรรมาธิการ ถ้าไม่เชื่อท่านก็ไม่รู้จะเชื่อใครแล้ว ไม่มีหลักประกันอะไรเลย แต่ถ้าท่านเบี้ยว ท่านต้องมาที่นี่อีกในวาระที่ 3 อยากรู้เหมือนกันว่าท่านจะขึ้นพูดอย่างไร เราจึงจะรับเพื่อให้ท่านไปแก้ไข”
“เราขอหมายเหตุไว้ว่า เราอยากให้ท่านถอนร่างมาตรา 144 และมาตรา 185 ออก หรือปรับในสิ่งที่เพื่อนสมาชิกกังวลทั้งหมด ทั้งนี้ ผมขอฝากเรื่องจุดพอดีด้วย ไม่ใช่ถอยจนผิดไปทั้งหมดเช่นกัน ถ้าวาระ 3 ท่านไม่แก้ไข หรือไม่ตัดออก ไม่เปลี่ยนแปลงตามที่รับปากสภา พวกเราฝ่ายค้านจะทบทวนการลงมติในวาระ 3 แน่นอน แต่วันนี้ลงให้ท่าน” นายสุทินกล่าว