“สุทิน”ระบุไม่เร่งรีบยื่นซักฟอกรัฐบาล รอจังหวะกลุ่มก้อนปัญหาที่กำลังเพาะตัว ไม่หนักใจ “เรืองไกร”ยื่นยุบ พท.
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งมีสมาชิกหลายคนให้ความเห็นว่ายังไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งรีบ เนื่องจากสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เหลือเวลาอีก 3 เดือน ขณะเดียวกันมองว่าจะต้องรอดูการบริหารงานของรัฐบาล และกลุ่มก้อนปัญหาที่กำลังเพาะตัว ขณะเดียวกันก็มีสมาชิกบางส่วนที่เร่งให้เปิดการอภิปรายโดยเร็ว ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 สามารถขอเปิดอภิปรายได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นจึงต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้ได้จังหวะและเกิดผลดีที่สุด
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงนิ่งเฉยกับการตรวจสอบรัฐบาลว่า ขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าฝ่ายค้านยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง และมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านกำลังติดตามอยู่ เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตร ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค สำหรับรัฐบาลในช่วงครึ่งหลัง โดยเฉพาะช่วงใกล้การเลือกตั้ง มักจะเกิดปัญหาอยู่เสมอ และรัฐบาลเอง มักจะออกนโยบายที่มุ่งหาผลประโยชน์และความได้เปรียบทางการเมือง จนละเลยผลประโยชน์ที่แท้จริงของประชาชน และมักจะใช้งบประมาณนอกเหนือกฎเกณฑ์ที่กำหนด ส่งผลให้เกิดการทุจริต เพื่อมุ่งหวังคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ส่งผลให้ฝ่ายค้านต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจที่ฝ่ายค้านจะต้องเพิ่มความเข้มข้น และเข้มแข็ง ในการตรวจสอบและกำกับให้มากขึ้น
นายสุทิน ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย กรณีนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผอ.พรรคเพื่อไทย เคยต้องคำพิพากษาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ไม่ถึงกับหนักใจ ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กำลังติดตามกรณีดังกล่าวอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่สลับซับซ้อน เป็นเรื่องที่สามารถทำได้
ส่วนมีกลุ่มคนเหยียดคนอีสาน ในคลับเฮ้าส์นั้น นายสุทิน กล่าวว่า ต้องระมัดระวัง เพราะคนเหยียดอาจพูดไปโดยไม่ระมัดระวังผลกระทบที่จะตามมา และทำไปด้วยความคึกคะนอง เรื่องเหล่านี้ จะกระทบความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติ และกระทบความรู้สึก ถ้าเราไม่ระวังในข้อนี้ แล้วไปสะกิดบาดแผลในประวัติศาสตร์ ก็อาจจะมีปัญหา คล้ายกับปัญหาชายแดนภาคใต้ แผลที่ภาคอีสานใกล้จะหายแล้ว แต่กลับไปสะกิด จึงต้องระวังให้มาก กรณีที่เกิดขึ้นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวยังมีช่องโหว่ เปิดทางให้คนกระทำผิด เมื่อกฎหมายยังมีช่องว่างอยู่ก็ให้ใช้วุฒิภาวะของคนในสังคมตักเตือนกัน