สามารถ แจง คกก.ตรวจสอบทุจริตรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน ชี้ ประมูลต่ำกว่าราคากลางเท่ากัน ส่อผิด “พ.ร.บ.ฮั้ว” เทียบต่ำกว่ารถไฟทางคู่สายใต้ 7,200 ล้านบาท จับพิรุธก.คมนาคม ขอแก้ไขทีโออาร์ รวบ 7 สัญญา เหลือเพียง 3 สัญญา
วันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าชี้แจงคณะกรรมการตรวจสอบการประกวดราคาก่อสร้างทางรถไฟทางคู่สายเหนือช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายอีสานช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้มีคำสั่งแต่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยมีนายดนัย มู่สา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
นายสามารถกล่าวว่า ได้ชี้ให้เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้การประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานมีราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเท่ากันคือแค่ 0.08% เท่านั้น เกิดจากการแก้ทีโออาร์ ไม่นำทีโออาร์การประมูลรถไฟทางคู่สายใต้มาใช้ ซึ่งสายใต้มีราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางถึง 5.66% ถ้าสายเหนือและสายอีสานสามารถประหยัดได้ 5.66% จะคิดเป็นเงินจำนวนมากถึงกว่า 7,200 ล้านบาท
นายสามารถกล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการประมูลรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ของการรถไฟฯ หน่วยงานเดียวกัน ซึ่งแบ่งการประมูลงานโยธาออกเป็น 14 สัญญา โดยได้แยกประมูลงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานโยธา ปรากฏว่าสามารถประหยัดค่าก่อสร้างได้ถึง 14.65% คิดเป็นเงินจำนวนมากถึง 17,353 ล้านบาท
“การขอเปลี่ยนทีโออาร์ตามหนังสือของกระทรวงคมนาคม ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 จากเดิมที่เคยแบ่งการประมูลสายเหนือออกเป็นสัญญา 7 สัญญา ประกอบด้วยงานโยธาและระบบราง 6 สัญญา และงานระบบอาณัติสัญญาณ 1 สัญญา เหลือเพียง 3 สัญญา โดยรวมประมูลงานระบบอาณัติสัญญาณเข้ากับงานโยธา อาจเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 4, 9, 10, 11, และ 12 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542”
นายสามารถกล่าวถึง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบอาณัติสัญญาณนั้นได้เสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณา กรณีการรถไฟฯ กำหนดให้ผู้รับเหมาเสนอระบบอาณัติสัญญาณได้ไม่เกิน 2 ยี่ห้อ หากผู้รับเหมาเสนอ 2 ยี่ห้อและเขาชนะการประมูล เขาอาจเลือกใช้ยี่ห้อที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งจะทำให้การรถไฟฯ เสียผลประโยชน์หรือไม่ และจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมาหรือไม่
นายสามารถกล่าวว่า ได้ขอให้คณะกรรมการฯ ไปตรวจสอบว่า การรถไฟฯ เคยประมูลราคารางเหล็ก มีผู้เสนอรายหนึ่งเสนอโรงงานผลิตรางมาหลายโรงงาน ปรากฏว่ามีราคาต่ำสุด ในขณะที่ผู้เสนอรายอื่นทุกรายเสนอมาเพียงโรงงานเดียว จึงร้องเรียนมาที่การรถไฟฯ ซึ่งการรถไฟฯ ได้สอบถามไปที่กรมบัญชีกลาง กรมบัญชีกลางให้ความเห็นว่าการเสนอราคาหลายโรงงานมาหลายโรงงานเป็นการเสนอแบบ “เผื่อเลือก” ซึ่งไม่สามารถทำได้ ในที่สุดการรถไฟฯ ต้องยกเลิกการประมูลครั้งนั้น คณะกรรมการฯ ไปตรวจสอบว่าจริงหรือไม่