20 ม.ค.2566 – นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จากการที่ได้ประชุมร่วมกับ นายชัชวาลย์ คงอุดม และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้รับผิดชอบการสรรหาว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ภาคอีสาน ล่าสุดมีความคืบหน้าไปมากกว่า 80% โดยในจำนวนว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด มีทั้งผู้เสนอตัวเข้ามาและผู้ที่พรรคสรรหา บางจังหวัดมีบุคคลที่เสนอตัวมาเกินกว่าจำนวน ส.ส ที่เสนอได้ จึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ในเบื้องต้นจะมีการประสานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งต่อไป ส่วนจังหวัดที่เปิดตัวผู้สมัครครบแล้วได้แก่ จ.อุดรธานี ซึ่งผลจากการรณรงค์มาตั้งแต่ต้นพบว่ากระแสตอบรับดีมาก จนทำให้พรรคการเมืองบางพรรคต้องไปจัดปราศรัยเป็นครั้งที่สอง และดูเหมือนว่าจะมีอารมณ์เสียกันนิดหน่อยด้วย
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์นี้มีผู้สมัครที่แสดงความจำนงล่าสุด คนแรกได้แก่ นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งถูกพรรคเพื่อแผ่นดินขับออกจากพรรค หลังจากไปร่วมกิจกรรมพบปะสมาชิกของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ จ.อุดรธานี โดยนางบุญญาพร ได้รับแจ้งจากรัฐสภาว่า รัฐสภาได้รับแจ้งจากพรรคเพื่อแผ่นดินได้ขับ นางบุญญาพร ออกจากการเป็นสมาชิก และขอให้หาพรรคเข้าสังกัดภายใน 30 วัน
รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ขณะเดียวกันได้รับแจ้งจาก กกต.ว่า ได้ลบ ชื่อนางบุญญาพร ออกจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ดังนั้นจึงได้มายื่นความจำนงเพื่อขอสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะนี้พรรคได้ทำหนังสือไปถึงพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อขอให้แจ้งว่าได้ขับนางบุญญาพรเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังสภาฯ และ กกต.ภายใน 25 วัน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปโดยสมบูรณ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้รับสมัคร นางบุญญาพร เข้าเป็นสมาชิกพรรคต่อไป
“ส่วนท่านที่สองเป็นอดีต ส.ส. 4 สมัยของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ลาออกจากพรรคเดิมและมาสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมเข้ายื่นความจำนงขอลงสมัคร ส.ส ในพื้นที่ที่ท่านเป็น ส.ส เดิมที่จังหวัดมหาสารคาม ก็คือ ดร.กุสุมาลวตี ศิริโกมุท ก่อนมาท่านก็ได้ไปยื่นใบลาออกที่ กกต. และนำหลักฐานการยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทยมาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งยื่นความจำนงขอสมัครในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ถือเป็นความคืบหน้าที่เริ่มมีคณะบุคคลต่างๆ แสดงความจำนงเข้ามาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติทุกวัน” นายวิทยา กล่าว
“จากการได้ลงพื้นที่ภาคอีสาน ทำให้เห็นความน่าสนใจหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือเห็นได้ว่าประชาชนภาคอีสาน ขณะนี้เบื่อความขัดแย้งจากการที่ประชาชนต้องมาปะทะเข่นฆ่ากันเอง และหวังจะยุติให้เกิดความสงบเพื่อร่วมกันพัฒนาชาติอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอแนะแนวทางนโยบายบางเรื่องเป็นเรื่องคาดไม่ถึงว่าทำไมชาวอีสานถึงกล้าเสนอนโยบายแบบนี้ อยากให้รออีกสัก 1-2 สัปดาห์ ที่จะได้เปิดเผยว่านโยบายที่จะทำให้หลายคนตกตะลึงว่ามรดกบาป 20 ปีคืออะไร”
นอกจากนี้ นโยบายสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังมุ่งเรื่องการขจัดความขัดแย้งของประชาชน ซึ่งตอนนี้เดินมาได้ไกลแล้ว คิดว่าตอนนี้ไม่มีใครอยากจะมีความขัดแย้งอีก หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไป กลุ่มพี่น้องเสื้อแดงก็กลับไปทำงานประกอบอาชีพกันตามปกติ ตอนนี้ทราบว่าหลายคนต้องการจะเริ่มต้นจริงๆ กับการใช้การเมืองพัฒนาประเทศชาติร่วมกับทุกคน ดังนั้นคำว่า บ้านเสื้อแดง หรือกลุ่มเสื้อแดง จะหายไปจากความรู้สึก เช่นเดียวกับ กปปส. ที่เดินมากับตนก็หายกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครที่อยากจะลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากัน ทุกคนต่างอยากที่จะมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองทั้งสิ้น
“ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ประชาชนในภาคอีสานพูดถึง นายกฯ อีสานมากและสิ่งที่พวกเขาพูดมากขึ้นบ่อยเรื่อยๆ เพราะเขาเริ่มเจอตัวนายกฯ อีสานตัวจริงแล้ว ผมถามว่าเป็นใคร คำตอบจากผู้สมัครทั้งหมด ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ไง ท่านเป็นคนโคราช แม่ท่านเป็นคนชัยภูมิ เขารู้สึกว่าความใกล้ชิดระหว่างพี่น้องชาวอีสานไม่ได้ห่างไกล ผมไม่แน่ใจว่าแลนด์สไลด์จะเกิดกับพรรคไหนนะครับ พรรคเราก็อาจจะมีโอกาสอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะเขาเริ่มเจอนายกฯ อีสานตัวจริง ถ้าใครจะอ้างว่าเขยอีสาน ลูกอีสาน เจอลูกอีสานประยุทธ์ จันทร์โอชา สักคนเถอะครับ” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มั่นใจว่าพรรคจะคัดคนดีของชาวอีสานมาได้ และในฐานะที่เป็นนักการเมืองมากว่า 30 ปี ตนจะถ่ายทอดประสบการณ์ทางการเมืองยาวนานนี้ให้กับลูกหลานของคนอีสานเพื่อให้เป็นผู้แทนที่ดี มีความซื่อสัตย์ต่อพี่น้องประชาชน และต่อแผ่นดิน และจะพานักการเมืองรุ่นใหม่เหล่านี้ไปสู่ชัยชนะที่มีความมั่นคงให้กับชาวอีสานทุกคนได้อย่างแน่นอน