9 ก.ค.64 – พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงช่วงหนึ่งว่า ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วประเทศ โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม ยังเป็น 10 จังหวัด คือ กทม. นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสงขลา
พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือ สีแดง 24 จังหวัด คือ กระบี่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และอุทัยธานี
พื้นที่ควบคุม หรือสีส้ม 25 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง ตราด บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี
พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือ สีเหลือง 18 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลำปาง ลำพูน สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในพื้นที่ 6 จังหวัด ที่ประกอบด้วย กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ได้แก่ จำกัดการเคลื่อนย้ายและดำเนินกิจกรรมให้ได้มากที่สุด, กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนปฏิบัติงานในลักษณะเวิร์ก ฟอร์ม โฮมให้ได้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชน, ให้ระบบขนส่งสาธารณะหยุดบริการตั้งแต่ 21.00 – 04.00 น., ให้ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่งปิดตั้งแต่เวลา 20.00 น. – 04.00 น., ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลเปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ธนาคาร ร้านขายยา ร้านเครื่องมือสื่อสาร สถานที่ฉีดวัคซีน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น., ห้ามบริโภคอาหารและสุราภายในร้านอาหาร โดยให้เปิดถึงเวลา 20.00 น., ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม, สวนสาธารณะให้เปิดบริการได้ถึงเวลา 20.00 น., ห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมตามประเพณีที่มีการรวมตัวกันเกิน 5 คนขึ้นไป
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง 10 จังหวัด จะห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น, ห้ามออกนอกเคหสถาน ในเวลา 21.00 – 04.00 น. ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยต้องไปรักษาพยาบาล กรณีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ขึ้นเวร หรือไปซ่อมแซมการไฟฟ้า ประปาที่ขัดข้อง,การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง ให้ยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ มาตรการที่กล่าวมาให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และจุดลาดตระเวนเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. เวลา 06.00 น. หากตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ