ทุนท้องถิ่น DHOUSE เมืองสารคาม เดินหน้าลงทุนปี’64 ผุดบ้านแฝดชั้นเดียว-บ้านแฝด 2 ชั้น พร้อมอาคารพาณิชย์แบรนด์ใหม่ “U Park-แกรนด์ บิซ 2” มูลค่ารวม 700 กว่าล้าน เจาะกำลังซื้อนักศึกษา-บุคลากรสถาบันการศึกษา 6.2 หมื่นคน ราคาเริ่มต้น 1.79-3 ล้าน
นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการ U Park บนพื้นที่ 40 ไร่ จำนวน 249 ยูนิต มูลค่าโครงการ 607 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 1/64 และโครงการแกรนด์ บิซ 2 อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 40 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ ใกล้มหาวิทยาลัย มูลค่าโครงการ 127 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 2/64
รายละเอียด U Park ตั้งอยู่บนทำเลถนนบ้านท่าขอนยาง-บ้านขี บนที่ดิน 40 ไร่ ออกแบบเป็นบ้านแฝดชั้นเดียวและ 2 ชั้น 249 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท และแกรนด์ บิซ 2 อยู่บนทำเลถนนมหาสารคาม-โกสุมพิสัย บนที่ดิน 3 ไร่ 1 งาน ออกแบบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท วางแนวเปิดขายไตรมาส 2/64
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจพัฒนาคอนโดมิเนียม low rise และโครงการ mixed-use เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งโมเดลธุรกิจของบริษัทต้องการสร้างรายได้จากการขายที่อยู่อาศัย 50% และรายได้ประจำ 50% รวมทั้งบริษัทมีแผนขยายการลงทุนเจาะตลาดท็อป 5 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น อุบลราชธานี โคราช อุดรธานี และมหาสารคาม โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านบาท ภายใน 3-5 ปี
ด้านนายอรรถ เลิศรุ้งพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 3/63 มียอดโอน 22 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการเดอะ แกรนด์ เรสซิเดนซ์ บ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 8 ยูนิต, เดอะ แกรนด์ คาแนล ทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิศ 9 ยูนิต และเดอะ แกรนด์ บิซ อาคารพาณิชย์ 5 ยูนิต มูลค่ารวม 70.42 ล้านบาท
บริษัทมีแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) 18 หลัง แบ่งเป็นเดอะ แกรนด์ เรสซิเดนซ์ และเดอะ แกรนด์ คาแนล โครงการละ 2 ยูนิต, เดอะ แกรนด์ บิซ 5 ยูนิต และพฤกษ์ภิรมย์ ศาลากลาง พัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์โปรดักต์ มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ 9 ยูนิต มูลค่ารวม 58.05 ล้านบาท โดยตั้งเป้าไตรมาส 4/63 โอนกรรมสิทธิ์โครงการพฤกษ์ภิรมย์ มูลค่าโอนรวม 11.43 ล้านบาท
บริษัทมีแลนด์แบงก์รอพัฒนา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 จำนวน 4 แปลง ได้แก่ ที่ดินทำเลถนนสายบ้านท่าขอนยาง-บ้านขี จำนวน 74 ไร่, ทำเลถนนสายมหาสารคาม-โกสุมพิสัย 14 ไร่, ทำเลแยกถนนสมถวิลราษฎร์ 4 ไร่ และทำเลถนนสายมหาสารคาม-วาปีปทุม 3 ไร่ รวม 97 ไร่ มูลค่าตามบัญชี 528 ล้านบาท ในขณะที่มีราคาตลาดอยู่ที่ 755 ล้านบาท
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเมืองสารคามมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากการเป็นเมืองการศึกษาทำให้มีกำลังซื้อกลุ่มลูกค้านักศึกษาและบุคลากรในสถาบันการศึกษา 3 แห่ง มีขนาดกำลังซื้อ 6.2 หมื่นคน โดยเปรียบเทียบกับ 7 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ พบว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามมีจำนวนนักศึกษามากเป็นอันดับ 1 จำนวน 42,897 คน
รองลงมามหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 39,506 คน, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวน 37,773 คน, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 35,509 คน, มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 32,675 คน, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จำนวน 23,600 คน และมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 21,759 คนตามลำดับ
นายพงศ์พจน์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์โควิดส่งผลกระทบในช่วงล็อกดาวน์ที่ลูกค้าไม่สามารถวิสิตไซต์ได้ อย่างไรก็ตาม ยอดขายฟื้นตัวกลับมาแล้ว คาดว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้ 154 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วมียอดขาย 140 ล้านบาท เท่ากับมีอัตราเติบโต 10% อัพ โดยปี 2564 บริษัทวางแผนลงทุนใหม่ 2 โครงการ มูลค่าเกิน 700 ล้านบาท
“ตลาดอสังหาฯเมืองสารคามมีขนาดเล็กทำให้การแข่งขันเป็นของทุนท้องถิ่นเป็นหลัก มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ถือว่าสูง เหตุผลเพราะมีฐานลูกค้าหลักเป็นนักศึกษาและบุคลากรในสถาบันการศึกษา 3 แห่ง ซึ่งมีจำนวนถึง 62,000 คน เศรษฐกิจหลักไม่ได้พึ่งการท่องเที่ยวทำให้รับผลกระทบโควิดน้อยกว่าจังหวัดอื่น”