พระราชศีลโสภิต – วันศุกร์ที่ 12 มี.ค. 2564 น้อมรำลึก ครบรอบ 127 ปี ชาตกาล “พระราชศีลโสภิต” หรือ “หลวงปู่ทา พุทธสโร” เป็นอดีตพระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูป ที่มีความเชี่ยวชาญการนิพนธ์หนังสือคาถาธรรมบทบาลี-ไทย ตำนานพระปริตร รวมทั้งรอบรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเป็นอย่างดี
มีนามเดิมว่า ทา ไชยโยชน์ เกิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2437 ที่บ้านใต้นางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม บิดา-มารดาชื่อ นายสองและนางหมาจู ไชยโยชน์
ชีวิตในวัยเด็ก ได้ช่วยครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง จนเมื่ออายุย่าง 15 ปี จึงขอให้โยมบิดาพาไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดใต้นางใย
พ.ศ.2458 เมื่ออายุครบบวช สามเณรทาได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดใต้นางใย โดยมีพระครูโยคีอุทัยทิศเป็น พระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “พุทฺธสโร”
ด้วยความมุ่งมั่นอยากศึกษาพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้ง จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนปริยัติธรรม ณ สำนักเรียนวัดสระเกศฯ ก่อนมุมานะเล่าเรียนอย่างหนัก
พ.ศ.2465 สอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2468 สอบได้นักธรรมชั้นโท พร้อมกับสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค
พ.ศ.2481 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค
ขณะกำลังศึกษาอยู่ในสำนักเรียนวัด สระเกศฯ ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็น ครูสอนนักธรรม-บาลีธรรม ควบคู่ไปด้วย
ต่อมา พ.ศ.2481 เดินทางกลับมา จำพรรษาอยู่ที่วัดอภิสิทธิ์ ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ด้วยความที่เป็นพระมหา มีความรู้สูง ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาส
พ.ศ.2484 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามที่ พระครูสรคณาจารย์
อุทิศตนปฏิบัติหน้าที่ไม่เคยขาดตกบกพร่อง พ.ศ.2494 ได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะอำเภอเมืองมหาสารคาม
พ.ศ.2494 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระสรญาณมุนี
พ.ศ.2507 ได้รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม
พ.ศ.2515 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชศีลโสภิต
นอกจากรับผิดชอบงานปกครองคณะสงฆ์ตามหน้าที่แล้ว ตลอดชีวิตใฝ่เรียนรู้ค้นคว้า อยู่ตลอดเวลา ให้ความสนใจศึกษาอักขระโบราณ จนเกิดความชำนาญอ่านเขียนตัวอักษรขอม ลาว ไทยน้อย ได้อย่างแตกฉาน
รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอีสาน วรรณกรรมท้องถิ่น คัมภีร์โบราณต่างๆ ไว้เป็นหมวดหมู่สะดวกต่อการศึกษาค้นคว้า
ทั้งยังเป็นเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดอภิสิทธิ์ ท่านให้ความสำคัญกับการศึกษาของพระภิกษุสามเณร เนื่องจากส่วนใหญ่ล้วนมาจากครอบครัวที่ยากจน สำนักศาสนศึกษาวัดอภิสิทธิ์จึงมีเรียนธรรม-บาลี พระปริยัติสามัญและการศึกษาผู้ใหญ่
ในช่วงบั้นปลายชีวิต อาพาธบ่อยครั้งด้วยโรคชรา สุดท้ายมรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2525
สิริอายุ 89 ปี พรรษา 68
เชิด ขันตี ณ พล