‘สุทิน’ ลั่นจะอภิปรายให้ ‘ประยุทธ์’ เห็นตัวเอง จนไม่กล้าเป็นนายกฯ เชื่อคะแนนซักฟอกไม่เท่ากัน เป็นเหตุทำรัฐบาลแตกหัก
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์นี้ว่า ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านพร้อมแล้วถึง 99% สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ทั้งในส่วนของเนื้อหาและการจัดสรรเวลาที่ลงตัว
โดยแต่ละฝ่ายอยู่ระหว่างทบทวนเนื้อหาต่างๆ ทั้งหมด ส่วนอีก 1% เป็นเพียงการปรับเนื้อหาในช่วงนาทีสุดท้าย และในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ฝ่ายค้านพร้อมปฏิบัติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สำหรับผู้ที่จะอภิปรายขณะนี้อยู่ที่ 40 คน ส่วนเนื้อหาที่จะใช้ในการอภิปรายอาจมีคร่อมเรื่องกันบ้าง แต่เนื้อหาจะสอดรับกัน เป็นการอภิปรายเรื่องเดียวกันแต่คนละมุม
ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในทุกๆ ด้าน ทั้งความล้มเหลวด้านแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปัญหาอบายมุข การเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง รวมถึงการขาดองค์ความรู้ ทันโลก ทันการณ์ ทันเกม เราจะแสดงเหตุผลทั้งหมดเพื่อชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ขาดความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ในส่วนที่รัฐบาลเปิดโรงแรมเพื่อจัดติวเข้มให้กับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ถือเป็นเรื่องดีที่ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เปรียบเหมือนนักมวยที่ต่างชกกันอย่างเต็มที่ ซึ่งประชาชนเปรียบเหมือนผู้ชมก็จะได้ประโยชน์ แต่ต่อให้ติวเข้มกันอย่างไร เมื่อทำผิดแล้วก็ไม่สามารถทำผิดให้กลายเป็นถูกได้ ต่อให้พวกท่านพลิ้วแค่ไหน ไม่ตายคาที่คือเสียงแพ้เรา ก็ต้องตายในโรงพยาบาลคือยกมือชนะแต่รัฐบาลจะเจอกับวิกฤตศรัทธาของประชาชนอย่างแน่นอน เชื่อว่าคะแนนโหวตให้กับรัฐมนตรีแต่ละคนไม่เท่ากัน งานนี้พรรคร่วมรัฐบาลมองหน้ากันไม่ติดแน่
ทั้งนี้ ยืนยันว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีรัฐมนตรี 4-5 คนที่ถูกยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อแน่นอน โดยเราจะรอฟังการชี้แจงก่อนว่าฟังขึ้นหรือไม่ และขอฝากไปถึงมือประท้วงทั้งหลายว่าอย่ายกมือประท้วงหวังป่วนฝ่ายค้าน เพราะเห็นแต่ละคนที่ยกมือประท้วงก็ไม่เห็นว่าจะได้ดีสักคน
