9 ก.พ.64 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การวิตกหรือรอบคอบละเอียดเกินไปหรือไม่ พิจารณาจากเกณฑ์ ดังนี้ โดยแง่ของเนื้อหาสาระที่จะแก้ไขมันเข้าข่ายแก้ทั้งฉบับหรือไม่ และกระบวนการที่เราบัญญัติเป็นกระบวนการที่ละเอียดรอบคอบเพียงพอที่เป็นวิจารณญาณหมู่พอที่จะเกิดความมั่นใจได้หรือไม่
นายสุทิน กล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกิดจากเสียงเรียกร้องของประชาชนนำมาสู่การตั้งกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งรายงานของกมธ.เสนอแก้โดยตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ต่อมาเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งก็รับหลักการจนนำไปสู่การตั้งกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง และขณะนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ตามขั้นตอน เพราะฉะนั้นกระบวนการเราใช้วิจารณญาณรอบคอบ ดังนั้น การถูกเอาผิดจากใครหรือองค์กรใดเรามีหลักพิงและหลักประกัน
“วันนี้เราเดินหน้าไปเถอะ แต่หากยังจะใช้คำว่ารอบคอบอีก ผมย้ำว่ารอบคอบเกินงามก็จะตีความว่าเราใช้ความรอบคอบโดยมีความแอบแฝง ซึ่งการแอบแฝงครั้งนี้เดิมพันด้วยปัญหาของสังคมและบ้านเมือง แม้บอกว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องอย่าไปวิตกกังวลว่าจะสะดุด ใครรับประกัน ใครคาดหมายหรือบอกแทนศาลได้ว่ากระบวนแก้ไขจะไม่สะดุด นั่นคือความเสี่ยงที่จะล้มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสี่ยงเกิดความไม่เข้าใจกันของคนในสังคม เมื่อกระบวนการที่รอคอยมันล้มใครจะรับประกันได้อีกว่ามันจะไม่มีกระบวนการกลางถนน” นายสุทิน กล่าว
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐรรมูญเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้เกิดขึ้น แต่แก้โดยไม่รู้เนื้อหาจะแก้ได้หรือไม่ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นสิ่งที่เราจะตัดสินใจกันเองไม่ได้ เพราะการวินิจฉัยต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหาอยู่ที่ว่าจะส่งไปช่วงสุดท้ายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือหากส่งตอนนี้ ก็ไม่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้า กระบวนการก็เดินไปตามครรลองยู่แล้ว เพราะศาลวินิจฉัยแล้วไม่ขัดรัฐธรรมนูญ การแก้ไขก็เดินหน้าอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ หาขัดรัฐธรรมนูญ เราก็ไม่ต้องไปเสียเงินทำประชามติ แต่หากกระบวนการเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการวินิจฉัยจะทำให้เสียเงินนับพันล้านบาท เพราะต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ดังนั้นการส่งให้ศาลรัฐรรมนูญตั้งแต่แรก จึงเป็นเรื่องสำคัญสามารถส่งไปได้โดยไม่กระทบอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา และการส่งให้ศาลก็ไม่ได้เสียหายอะไร อย่าเพิ่งคิดไปไกลว่าส่งศาลแล้วเป็นการสะกัดหรือทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไป แสดงว่าเราคิดและห่วงไปเอง
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญผมไม่ได้ปฏิเสธเรื่องส.ส.ร.แต่ด้วยความไม่ชัดเจน ถ้าเราทำให้ชัดเจน ข้อเรียกร้องในปัจจุบัน ข้อเสนอต่างๆที่เกิดขึ้นในการเมืองปัจุบันเป็นปัญหาทางการเมืองที่ต้องชัดเจน ดังนั้นความขัดแย้งในบ้านเมือง ก็ต้องสร้างความชัดเจนส่งให้ศาลรัฐลรรมนูญวินิจฉัย จึงเห็นว่าญัตตินี้ได้ประโยชย์มากกว่าเสียประโยชน์ มีข้อดีมากว่าข้อเสีย”นายเสรี กล่าว